ปัจจุบันคนไทยจำนวนไม่น้อยเป็นเจ้าของบัตรเครดิตกันตั้งแต่วัยเรียนและวัยเริ่มต้นทำงาน ด้วยโปรโมชั่นและนโยบายทางการเงินของสถาบันต่าง ๆ ซึ่งเอื้อต่อการเสริมสภาพคล่องทางเศรษฐกิจและกระตุ้นวัฏจักรการใช้จ่ายของประชาชน
ทำให้เกิดปัญหาการเป็นลูกหนี้จากการรูดบัตรเครดิตที่ขาดวินัยมากขึ้นทุกวัน ซึ่งแม้หลายคนจะพยายามประคับประคองจ่ายหนี้ในขั้นต่ำสุดแล้ว แต่ก็ยังเกินกำลังจนขาดส่งหลายงวด(มักเกินกว่า 6 เดือนต่อเนื่อง) สุดท้ายจึงต้องกลายเป็นลูกหนี้ประเภท “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” ทำให้ถูกนำชื่อเข้า Blacklist จัดเป็นบุคคลที่มีหนี้เสีย ตรงนี้เรียกว่าอาการค่อนข้างหนัก หากเป็นคนไข้ ก็อยู่ในระยะวิกฤตและต้องรีบเยียวยาโดยไว
ที่สำคัญ คือชื่อของคุณจะถูกบริษัทข้อมูลบัตรเครดิตแห่งชาติทำการส่งเป็นรายงาน แจ้งไปที่บริษัทเครดิตบูโรซึ่งมีความเป็นสากล และส่งผลแง่ลบอย่างมากต่อการขอสินเชื่อหรือการกู้ยืมต่าง ๆ จากสถาบันการเงินจนกว่าคุณจะเคลียร์หนี้สินที่ค้างเติ่งอยู่ให้เรียบร้อยหมด โดยข้อมูลการเป็นหนี้ของแต่ละคนจะยังคงอยู่ในระบบอิเล็คโทรนิกส์ ปรากฏในการสืบค้นจากบริษัทและสถาบันการเงินต่าง ๆ อีกยาวนานถึง 3 ปีทีเดียว
ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำโดยเร่งด่วน ก็คือการใช้หนี้สินด้วยวิธีการต่าง ๆ ซึ่งคุณควรทำตามลำดับ ดังนี้
1. ทำตารางสรุปหนี้สินที่มีทั้งหมดว่ามีใครเป็นเจ้าหนี้และดอกเบี้ยถูกคิดที่กี่เปอร์เซ็นต์ต่อเดือนบ้าง
2. จดรายการทรัพย์สินของตัวเองที่สามารถนำไปรีไฟแนนซ์หรือเข้าบริษัทลิซซิ่ง เช่น คอนโด บ้าน รถยนต์ เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้หนี้โดยเร็วที่สุด
3. ในการชำระหนี้ ควรต้องจ่ายเจ้าหนี้ที่คิดดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน เพื่อปลดภาระเงินต้นที่ค้างเติ่งอยู่ให้มากที่สุดก่อน
4. หากใครคิดว่าจะกู้นอกระบบมาใช้หนี้สถาบันทางการเงิน ขอแนะนำว่าไม่ใช่ทางออกที่ดีเพราะมีความเสี่ยงสูงที่คุณจะเป็นหนี้หัวโตยิ่งกว่าตามมาในไม่ช้า
5. หากทั้ง 4 ข้อข้างต้นที่กล่าวมาไม่สามารถตอบโจทย์กรณีหนี้สินของคุณได้ ก็ต้องยอมรับความจริงและกล้าเผชิญหน้ากับฝ่ายเร่งรัดหนี้สินของสถาบันทางการเงิน เพื่อขอยืดเวลาชำระหรือปรับโครงสร้างหนี้สินเสียใหม่ ซึ่งหากไม่สามารถจบที่การไกล่เกลี่ยหนี้สินได้ ก็อาจต้องถึงขั้นขึ้นศาลและถูกยึดทรัพย์สินขายทอดตลาดนำเงินไปใช้หนี้ต่อไป
จะเห็นได้ว่า การขาดวินัยและเพลิดเพลินกับการจับจ่ายใช้สอยที่มากเกินตัว ย่อมส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงินและทำให้คุณถูกขึ้นบัญชีดำของเครดิตบูโรเอาง่าย ๆ เลยทีเดียว จึงจำเป็นต้องใส่ใจในการทำบัญชีรายรับรายจ่ายเสียแต่วันนี้ เพื่อป้องกันการเป็นหนี้สินและสร้างอุปนิสัยใหม่ ๆ ในการใช้เงินในระยะยาว