ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองและเงินขาดมือ จะซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันแต่ละครั้งยังต้องคิดเล็กคิดน้อย อยากซื้ออะไรที่ใช้เงินก้อนโตต้องคิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำอีก แม้จะระมัดระวังแค่ไหนแต่ก็ยังมีบางสถานการณ์ในชีวิตที่เงินไปพอใช้จนต้องไปหยิบยืมก่อหนี้สิน ทุกวันนี้ทักษะการบริหารจัดการหนี้มีความสำคัญพอๆ กับกลยุทธ์การประหยัดออมเงิน เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องเรียนรู้ไว้
ถ้าเป็นการหยิบยืมเงินเล็กน้อยพอแก้ขัดไปก่อน การใช้หนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าความต้องการเพิ่มขึ้น ภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากเราไม่ระมัดระวังหนี้สินอาจพอกพูนจนรับมือไม่ไหว ไม่ว่าจะเริ่มออมเงินหรือเริ่มเป็นหนี้ก็ตามจำเป็นต้องทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างเป็นระเบียบเพื่อให้สามารถจัดการภาระหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใครอยากรู้เทคนิคการบริหารหนี้เรามีคำแนะนำดี ๆ มาฝากกันดังนี้
-ทำบัญชีหนี้สิน ต้องคอยเช็คเสมอว่าติดหนี้เป็นเงินเท่าไร ทำบัญชีงบดุลเพื่อให้รู้ว่ายังติดค้างต้องจ่ายหนี้พร้อมดอกเบี้ยเท่าไรและผ่อนจ่ายอย่างไรไม่ให้กระทบกับค่าครองชีพ เพราะหนี้แต่ละประเภทแตกต่างกัน จัดสรรว่าจำนวนหนี้ทั้งหมดเท่าไร หนี้ค้างชำระเท่าไร ผ่อนจ่ายรายเดือน และวันครบกำหนดชำระหนี้ ควรตรวจดูเป็นระยะ ๆ และอัปเดตรายการหนี้ที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละเดือน
-ปลูกฝังนิสัยจ่ายหนี้ตรงเวลา ความจริงการจ่ายค่างวดล่าช้าครั้งสองครั้งไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่สร้างนิสัยผัดวันประกันพรุ่งมีข้อเสีย ไม่เพียงถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมล่าช้าเท่านั้น แต่ยังเสียเครดิตและอาจถูกขึ้นบัญชีดำจากเจ้าหนี้ ควรใช้ประโยชน์จากสมาร์ทโฟนตั้งค่าการเตือนชำระหนี้รายเดือน รวมถึงเลือกใช้บริการหักบัญชีธนาคารโดยอัตโนมัติ จ่ายหนี้ครบไม่ผิดนัดอย่างแน่นอน
-การวางงบประมาณให้มีความพร้อมในการชำระหนี้อย่างสม่ำเสมอ โดยทำบัญชีรายได้และค่าใช้จ่ายรายเดือน ถ้าเหลือเงินไม่มาก ขาดสภาพคล่อง ควรจัดทำงบประมาณใหม่หรือรีไฟแนนซ์ประนีประนอมปรับจ่ายค่างวดน้อยลง คิดหาวิธีลดค่าใช้จ่ายประจำวัน ลำดับความสำคัญดูว่าอะไรที่สิ้นเปลืองและไม่จำเป็นให้ตัดใจและกันไว้เพื่อชำระหนี้ได้เร็วขึ้น หรือนำเงินส่วนนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างอื่น
-เก็บออมเงินเป็นทุนสำรอง แม้จะยังคงมีหนี้สิน แต่ถ้ามีสภาพคล่องเพียงพอก็สามารถออมเงินไปพร้อมกัน เพราะชีวิตคนเราไม่แน่นอน สิ่งในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้บีบให้เราต้องการเงินทุนเร่งด่วนได้ตลอดเวลา หากไม่มีเงินออมเลยก็อาจหันไปหยิบยืม หนี้พอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเป็นไปได้ควรวางแผนการเงินให้ดีและประหยัดมากขึ้นเพื่อให้มีเงินสำรองฉุกเฉินไว้เสมอ ป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้
-เมื่อต้องการกู้เงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงินใด ๆ ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและคำนวณอย่างรอบคอบ ไม่ว่าคุณจะยืมเงินด้วยเหตุผลใด ๆ หากคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวจะมีความเสี่ยง หากอัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มในอนาคตจะทำให้ยอดชำระต่องวดสูงขึ้น จ่ายดอกเบี้ยมากขึ้นด้วย
เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการจัดทำงบประมาณการเงินเพื่อให้มีภาพชัดเจนว่าเป็นหนี้เท่าไร ทำให้การบริหารจัดการง่าย มั่นใจว่าสามารถชำระเงินเต็มจำนวนได้ทันเวลา