ในยุคปัจจุบันการมีบ้านพร้อมบริเวณ หรือคอนโดมิเนียมเกรดดีเป็นที่พักอาศัยส่วนตัว โดยการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เอง ไม่ใช่การเช่ารายเดือน เป็นความใฝ่ฝันของคนส่วนใหญ่ แต่เมื่อทำการซื้อแล้วมักมีปัญหาหนี้สินจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ตามมาอีกหลายสิบปี จะมีวิธีการใดทำให้หนี้สินลดลงโดยไวมาดูกัน
คำนวณดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเป็นประจำ
โดยปกติการซื้อที่อยู่อาศัยจะมีการส่งค่างวดกับธนาคาร โดยจะมีการถูกคิดดอกเบี้ยตามอัตราที่ได้ทำสัญญากันไว้ตั้งแต่ตอนทำการกู้เงิน หากลองคำนวณดูดอกเบี้ยแล้ว จะพบว่าหากส่งในอัตราเท่า ๆ เดิมไปตลอดจนหมดภาวะหนี้สิน จะคิดเป็นมูลค่ารวมของดอกเบี้ยเท่า ๆ กับราคาบ้านหรือคอนโดฯ เลยทีเดียว เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ก็รีบโปะเงินต้นหรือรีไฟแนนซ์กันดีกว่า
การรีไฟแนนซ์ธนาคารช่วยลดดอกเบี้ย
การรีไฟแนนซ์ทุกสองหรือสามปี (ตามที่สัญญาการกู้ยืมระบุอนุญาตไว้) เป็นการช่วยลดจำนวนดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้แก่ธนาคาร โดยจะมีสูตรการคิดคำนวนที่ต่างกันไปในแต่ละธนาคาร แนะนำว่าควรติดต่อรีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิมที่เคยส่งค่างวดมาตลอดเป็นอันดับแรก เพื่อลดการเสียค่าใช้จ่ายอีกก้อนต่างหาก สำหรับเป็นค่าจดจำนองและค่าประเมินบ้าน หรือคอนโดมิเนียม อันคิดเป็นจำนวนเงินหลายหมื่นบาทขึ้นไป ซึ่งอาจไม่คุ้มค่ากับการเปลี่ยนธนาคาร อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีบริษัทเอกชนที่รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาในการรีไฟแนนซ์เปรียบเทียบราคาระหว่างแต่ละธนาคารทั่วไทย จึงควรนำข้อมูลมาวิเคราะห์อย่างรอบด้านและปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ธนาคารที่มีข้อเสนอที่ดีที่สุด
เพิ่มการจ่ายเงินค่างวดเมื่อมีโบนัส
การจ่ายค่างวดเพิ่มจากที่ปกติส่งเดือนละหนึ่งรอบ เป็นการส่งรวมปีละสิบสามครั้ง โดยการนำเงินโบนัสที่ได้ประจำปีมาเป็นการโปะเงินต้น จะช่วยลดจำนวนเงินต้นในการคิดดอกเบี้ยลงไปได้มาก ยิ่งทำเป็นประจำทุกปีก็สามารถลดดอกเบี้ยและปลดหนี้สินได้ไว้ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สำคัญที่ต้องมีวินัยและตั้งใจที่จะไม่นำเงินก้อนจากโบนัสไปใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เช่น การไปท่องเที่ยวต่างประเทศ การช้อปปิ้ง การซื้อรถยนต์ ฯลฯ ซึ่งทำให้ต้องพลาดโอกาสในการปลดหนี้สินไป
จะเห็นได้ว่า การลดปัญหาหนี้สินจากการซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมให้ไวทำได้ไม่ยาก หากมีการศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการรีไฟแนนซ์ การคำนวณดอกเบี้ยเป็นระยะและการโปะเงินต้นให้มากและบ่อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพียงเท่านี้การหลุดพ้นจากการเป็นหนี้สิน ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว