หนึ่งในบรรดาหลักเกณฑ์ที่สถาบันการเงินหรือธนาคารจะพิจารณาอนุมัติสินเชื่อต่าง ๆ ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านนั้นคือ การตรวจสอบข้อมูลหนี้สินว่ามีส่วนที่เป็นหนี้เสียจากประวัติเครดิตบูโรของเรานั่นเอง ซึ่งเราเองก็สามารถเช็คเครดิตบูโรได้จากศูนย์ตรวจเครดิตบูโร ของบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ซึ่งหากที่ผ่านมาคุณยังมีหนี้เสียจากบัตรเครดิตหรือสินเชื่อเงินผ่อนต่าง ๆ แล้ว เราต้องหาวิธีแก้หนี้เสียให้สำเร็จ
อันดับแรก คุณต้องรู้ก่อนว่าเครดิตบูโร หรือบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด นั้นเป็นองค์กรซึ่งมีหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลบัญชีสินเชื่อ บัตรเครดิต รวมถึงประวัติการชำระบัตรเครดิตและสินเชื่อทุกประเภท ที่ได้รับจากสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิก โดยจำแนกข้อมูลออกเป็น 2 ประเภทได้แก่
- 1.ข้อมูลบ่งชี้ ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล เลขที่บัตรประชาชน และที่อยู่ของลูกค้า
- 2.ข้อมูลสินเชื่อ ซึ่งผ่านการอนุมัติ รวมถึงประวัติการชำระหนี้สินต่าง ๆ เช่น รายละเอียดว่าลูกค้ามีสินเชื่ออยู่ทั้งหมดเท่าไร วงเงินที่ได้รับการอนุมัติ และใช้ไปรวมถึงสถานะของบัญชี ประเภทและเลขที่บัญชีของสินเชื่อ ตลอดจนรายละเอียดสถานะทางบัญชี เช่น วันที่เปิดบัญชี วันที่ชำระหนี้ล่าสุด วันที่ปิดบัญชี และไทม์ไลน์ของการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
การตรวจสอบเครดิตบูโร
สามารถทำได้หลายช่องทางได้แก่ อาคารกลาสเฮ้าส์ (ชั้นใต้ดิน) ปากซอยสุขุมวิท 25 / ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สำนักงานใหญ่ อาคาร 2 ชั้น 2 / สถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง /CITI สาขาเดอะมอลล์ บางกะปิ, เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, ศูนย์การค้าเมกาบางนา /ห้างเจ-อเวนิว (นวนคร) ชั้น 4 ติดกับสำนักงานประกันสังคม /ที่ทำการไปรษณีย์สาขาที่ให้บริการจำนวน 291 สาขาทั่วประเทศ และธนาคารทั่วไป ใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและค่าบริการ 150 บาท จากนั้นรอรับข้อมูลภายใน 7 วัน หากตรวจสอบแล้วพบว่า ติดแบล็กลิสต์ ซึ่งหมายถึงหนี้เสียอันเกิดจากการค้างชำระเป็นจำนวนมากในระยะยาว ควรหาทางปรึกษากับธนาคารเจ้าหนี้ เพื่อหาทางขอประนอมหนี้ หรือปิดบัญชี หรือการทำรีไฟแนนซ์ นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาหนี้เสียได้แล้วยังอาจเหลือเงินสำรองสำหรับเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ได้อีกด้วย เมื่อแก้ไขชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว ก็จะเป็นการสร้างประวัติที่ดีในเครดิตบูโร
ข้อมูลที่แสดงอยู่ใน เครดิตบูโร คือภาพสะท้อนให้เห็นถึงวินัยทางการเงินของคุณเอง ส่วนการล้างประวัติเครดิตบูโรนั้น ทำได้ไม่ยากเพียงคุณกัดฟันผ่อนชำระหนี้สินอย่างต่อเนื่องและตรงเวลา เมื่อชำระหนี้ครบตามข้อตกลงแล้ว สถาบันการเงินก็จะส่งข้อมูลปิดบัญชีไปยังเครดิตบูโรในเดือนถัดไป ซึ่งตามกฎหมายแล้วจะมีการจัดเก็บข้อมูลไว้ถึง 3 ปี ดังนั้นการที่จะล้างประวัติได้ก็ต่อเมื่อคุณชำระหนี้และปิดบัญชีหมดและประวัติครบ 3 ปี นับจากวันที่ปิดบัญชี ต่อจากนี้ยังมีอีกประการที่สำคัญคือ อย่ากลับไปสร้างหนี้อีกหรือเมื่อมีการก่อหนี้ใดอีก ก็ต้องชำระตามกำหนดเวลา ไม่ค้างชำระจนทำให้ต้องติดแบล็กลิสต์ในเครดิตบูโรอีก