มีการศึกษาพบสถิติใหม่ว่าคนไทยมีหนี้มากยิ่งขึ้นและมีเงินเก็บที่น้อยลง จนเรียกได้ว่าไม่เพียงพอต่อวัยเกษียณ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัญญาณอันตรายสำหรับคนที่อยู่ในวัยทำงานและคนรุ่นใหม่ที่ต้องดำเนินชีวิตในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน และเสี่ยงต่อภาวะค่าเงินบาทลอยตัวขึ้นเรื่อย ๆ
วิธียุติปัญหาหนี้สินอย่างไรที่ทุกคนควรทำในปี 2020
1. การเก็บก่อนใช้
คุณควรแบ่ง 1 ใน 3 ส่วนของรายได้แต่ละเดือนเพื่อเก็บเข้าบัญชีธนาคาร แล้วค่อยนำส่วนที่เหลืออีก 2 ใน 3 ส่วนไปใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ฯลฯ การที่หลายคนมีปัญหาหนี้สิน ก็เพราะว่าเมื่อได้รับเงินเดือนมาแล้ว ก็นำไปซื้อของที่ต้องการก่อนแล้วค่อยเก็บ จึงทำให้ไม่มีเงินเก็บเหลือในที่สุด
2. การไม่ซื้อของตามโฆษณา
สินค้าแนวแฟชั่นมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์มากมาย ซึ่งจะกระตุ้นความรู้สึกของผู้คนให้อยากซื้อของ โดยเฉพาะเมื่อมีการทำโปรโมชั่นในเทศกาลต่าง ๆ ก็จะทำให้คนนั้นรู้สึกอยากซื้อมาเป็นเจ้าของมากยิ่งขึ้น
โดยสินค้าที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบจะเป็นกลุ่มเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวส่วนเพศชายจะเป็นอุปกรณ์ทางไอทีและรถยนต์ การเตือนตัวเองว่า ให้ซื้อสิ่งของที่จำเป็น ไม่ซื้อตามแฟชั่นหรือตามการโฆษณาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
3. การเน้นใช้จ่ายเงินสดแทนบัตรเครดิต
คนจำนวนมากมีหนี้สินจากการใช้ บัตรเครดิต กรณีนี้คุณควรตั้งใจไม่ใช้บัตรเครดิตสร้างหนี้อีก หรือแจ้งยกเลิกการใช้บัตรเครดิตไปเลย แล้วหันมาใช้เงินสดแทน จะทำให้จำกัดวงเงินใช้จ่ายได้ดียิ่งขึ้น
4. การเทียบราคาก่อนซื้อ
การซื้อของตามความสะดวกจะทำให้คุณมีโอกาสจ่ายแพงกว่าคนอื่น ควรทำการเปรียบเทียบราคาสิ่งของที่ต้องการซื้อจากร้านอย่างน้อย 3 ถึง 4 แห่งขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันมีแอปพลิเคชันมากมายที่ทำให้คุณเปรียบเทียบราคาแต่ละร้านได้ง่าย ๆ หากที่ใดถูกกว่าหรือมีโปรโมชั่นในช่วงจังหวะที่คุณจำเป็นต้องซื้อก็แนะนำให้ซื้อที่นั่น
5. จ่ายหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ที่คิดดอกเบี้ยแพงก่อน
ถ้าคุณมีหนี้สินนอกระบบหรือการเป็นหนี้บัตรเครดิตที่มีการคิดดอกเบี้ยมากกว่า 10% คุณก็ควรที่จะรีบชำระก่อน เพื่อที่จะได้มีเงินส่วนที่เหลือไปชำระเงินต้นหรือจ่ายให้แก่เจ้าหนี้รายอื่น หรือเหลือเพื่อการเก็บออมมากยิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่าเมื่อมีปัญหาหนี้สิน สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือ การควบคุมค่าใช้จ่ายและปรับเปลี่ยนนิสัยการใช้จ่ายของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านยุติปัญหาหนี้สินของตัวเอง และไม่เข้าสู่วงจรการเป็นหนี้อีกต่อไป